ศัลยกรรมผ่าตัดโหนกแก้ม

ผ่าตัดโหนกแก้มมีกี่วิธีและใครบ้างที่ควรเข้ารับการผ่าตัด

คำว่าโหนกแก้มถือเป็นหนึ่งโครงสร้างที่สำคัญบนใบหน้าที่บ่งบอกถึงลักษณะความเป็นเพศชายและเพศหญิง ในผู้หญิงบางรายอาจมีโหนกแก้มที่สูงหรือใหญ่จนเห็นได้ชัด ซึ่งจะทำให้ใบหน้าดูแข็งสัดส่วนของใบหน้าไม่สมดุล หรือแม้กระทั่งผู้ชายบางรายก็อาจเกิดความไม่พึงพอใจกับโหนกแก้มของตัวเองได้เหมือนกัน ซึ่งปัจจุบันนี้จะมีการทำศัลยกรรมผ่าตัดโหนกแก้ม ดูดไขมัน เพื่อให้รูปหน้าดูโดดเด่น ซึ่งการผ่าตัดนั้นจะเป็นการลดขนาดกระดูกของโหนกแก้มเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงน้อย แต่ก็จะมีข้อควรระวังที่แพทย์จะต้องระวังในเรื่องของการเลาะจากแผลผ่าตัดเข้าไปจนถึงกระดูกบริเวณที่ต้องการลดขนาด เพราะระหว่างทางที่เลาะจะมีเส้นประสาทควบคุมความรู้สึกของริมฝีปากบนและกล้ามเนื้อที่ใช้ยักคิ้ว ดังนั้น จึงต้องทำการผ่าตัดภายใต้ความดูแลของแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างใกล้ชิด

ผ่าตัดลดโหนกแก้มทำได้กี่วิธี

  • การผ่าตัดลดโหนกแก้มด้วยวิธีการกรอกระดูกหรือเหลาโหนกแก้ม วิธีนี้จะเหมาะกับผู้เข้ารับบริการที่มีโหนกแก้มไม่สูงมากและต้องการการปรับแต่ง กรอ เพียงเล็กน้อย โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลผ่าตัดจากในช่องปาก หลังจากนั้นก็จะใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานเอาไว้สำหรับ กรอ กระดูกโหนกแก้ม เข้าไปเหลาในส่วนที่ไม่ต้องการออก แล้วเย็บปิดปากแผล

สำหรับวิธีผ่าตัดนั้นจะมีดังนี้ 

หลังจากที่ได้ทำการดมยาสลบผ่านไปเรียบร้อยแล้ว ศัลยแพทย์จะเริ่มทำการผ่าตัดโดยเปิดแผลบริเวณกระพุ้งแก้มด้านในช่องปากของแต่ละด้าน จากนั้นศัลยแพทย์ก็จะใช้เครื่องมือทางการแพทย์กรอกระดูกบริเวณโหนกแก้มออก บริเวณโหนกแก้มในส่วนนี้ (Body) จะมีข้อจำกัดในการกรอออกได้ไม่เกิน 1 ซม. หรือ บางราย อาจจะกรอออกได้เพียง 0.5 ซม. โดยประมาณ ขึ้นอยู่กับความหนาของกระดูกในแต่ละบุคคล ซึ่งจะใช้เวลาในการทำประมาณ 3 ชั่วโมงโดยรวมการขั้นตอนการดมยาสลบไว้ด้วย วิธีนี้จะมีข้อดีคือจะไม่เห็นแผลหลังผ่าตัดเนื่องจากแผลจะอยู่บริเวณกระพุ้งแก้มด้านในช่องปาก เย็บด้วยไหมละลาย

  • การผ่าตัดลดโหนกแก้มด้วยวิธีตัดกระดูกหรือทุบโหนกแก้ม วิธีนี้จะเหมาะกับผู้เข้ารับบริการที่มีกระดูกโหนกแก้มที่หนา และสูงมาก โดยแพทย์จะเปิดแผลผ่าตัดเข้าทางเหนือศีรษะโดยรอบ จากเหนือใบหูข้างหนึ่งถึงใบหน้าอีกข้างหนึ่ง หรือ เปิดแผลผ่าตัดเข้าทางช่องปากเหมือนกรณีแรกเพื่อไม่ให้เกิดรอยแผลหลังการผ่าตัด หลังจากนั้นจึงทำการตัดหรือเลื่อนกระดูกโหนกแก้มลงจากจุดยึดเกาะเดิม แล้วยึดด้วยเหล็กยึดชนิดพิเศษ 

สำหรับวิธีผ่าตัดจะมีดังนี้

วิธีนี้จะเป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อน ทำให้ศัลยแพทย์จะต้องทำการวางแผน และ วิเคราะห์โครงหน้าจากใบ X –ray คำนวณค่าความยาว ความกว้าง มุม ๆ ต่างของโครงสร้างกระดูก เมื่อขั้นตอนการดมยาสลบได้ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดโดยการเปิดแผลบริเวณหน้าใบหูเป็นแนวดิ่ง ประมาณ 2 ซม. (ซ่อนแผลให้กลืนกับบริเวณจอนผม) แล้วทำการกรอกระดูกด้านหน้า ตัดกระดูกโหนกแก้มที่นูนออกมาด้านข้าง และ ทำการเลื่อนกระดูกเข้าหากัน โดยเชื่อมกระดูกให้ผสานกันด้วยวัสดุชนิดพิเศษทางการแพทย์ วัสดุนี้มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต การผ่าตัดด้วยวิธีนี้จะเห็นแผลผ่าตัดหลังทำ และ รอยแผลจะสามารถจางหายไปได้เองภายในระยะเวลา ไม่เกิน 2 เดือน การผ่าตัดด้วยวิธีนี้จะใช้เวลาในการทำประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงซึ่งจะรวมถึงการดมยาสลบด้วย ข้อดีของการผ่าตัดด้วยวิธีนี้จะทำให้โครงสร้างของโหนกแก้มให้ลดลงได้มาก สามารถเปลี่ยนโครงสร้างของรูปหน้าบริเวณโหนกแก้มได้อย่างชัดเจน

ใครควรผ่าตัดเพื่อลดโหนกแก้ม

  • ผู้ที่มีกระดูกโหนกแก้มสูงใหญ่ชัดเจน
  • ผู้ที่มีใบหน้าแข็งกระด้าง หน้าดุ
  • ผู้ที่มีใบหน้าดูไม่ได้สัดส่วนเพราะโหนกแก้ม
  • ผู้ที่ต้องการปรับโครงหน้าให้ดูเด็กลง
  • ผู้ที่มีใบหน้าดูบาน กว้างจากกระดูกโหนกแก้มขนาดใหญ่
  • ผู้ที่มีใบหน้าซ้ายขวา ไม่เท่ากัน ทำให้โครงหน้าดูหน้าเบี้ยว
  • ผู้ที่อยากแก้ไขความบกพร่องของใบหน้า

ก่อนผ่าตัดลดโหนกแก้มต้องเตรียมตัวอย่างไร

  • ก่อนเข้ารับบริการ 2 สัปดาห์ ผู้เข้ารับบริการต้องงดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด (กลุ่มยา Aspirin, Ibuprofen) วิตามินเอ อี ซี สมุนไพร โสม ใบแปะก๊วย น้ำมันปลา เนื่องจากอาจจะทำให้เลือดออกมากผิดปกติหรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัด 
  • ก่อนเข้ารับบริการ 2 สัปดาห์ผู้เข้ารับบริการต้องงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และงดสูบบุรี่
  • เมื่อมารับบริการผู้เข้ารับบริการควรสวมใส่เสื้อที่ใส่และถอดง่าย
  • แนะนำให้รับประทานอาหารให้พออิ่มก่อนเข้ารับการศัลยกรรม เพราะหลังการศัลยกรรมแล้วมักกินอะไรไม่ได้มาก

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดลดโหนกแก้มต้องทำอย่างไร

  1. ผู้เข้ารับบริการสามารถล้างหน้าได้หลังจากผ่านไป 2-3 วัน และสามารถอาบน้ำ สระผมได้ และหลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์สามารถแช่อ่างอาบน้ำ หรือว่ายน้ำในสระได้

2.ช่วงหลังผ่าตัด 2 สัปดาห์ ผู้เข้ารับบริการควรงดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่ทำให้การไหลเวียนเลือดบริเวณจุดที่ผ่าตัดไม่ดี ควันบุหรี่ส่งผลกับจุดที่ผ่าตัดโดยตรง อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ อักเสบได้

3.หลังจากตัดไหมออกบริเวณรอยเย็บที่ยังบวมอยู่อาจมีไหมเหลืออยู่ แต่เนื่องจากไม่ส่งผลใด ๆ อย่าพยายามเอาออกตอนนั้นเลยให้เอาออกภายหลังบริเวณแผลยุบบวมลง

4.หลังจากที่ทำการผ่าตัดตลอด 1 เดือน หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่แข็งและหลีกเลี่ยงการอ้าปากกว้าง ๆ ให้ทานอาหารอ่อน นิ่ม ไปก่อน หากรับประทานอาหารแข็งอาจส่งผลให้กระดูกโหนกแก้มอาจเคลื่อนได้

5.หลังจากผ่าตัดแล้วบริเวณแก้ม ช่องฟันอาจชาขณะขยับ แต่หลังจากนั้นประมาณ 3 เดือนอาการจะหายเป็นปกติ 

 

6.ใบหน้าของคนเรานั้นปกติจะไม่เท่ากันอยู่แล้วดังนั้นหลังจากผ่าตัด เนื่องจากอาการบวมมากเลยจะทำให้เรามองเห็นว่า 2 ข้างไม่เท่ากัน แต่จะค่อยๆเท่ากันเองเมื่อเวลาผ่านไปไม่ต้องกังวน

7.หลังทำการผ่าตัดในช่วงแรกอาจจะมีเสียงกึ๊ก ๆ เวลาอ้าปาก ไม่ต้องเป็นกังวนเนื่องจากเสียงจะหายไปเองและดีขึ้นเองเมื่อกระดูกเข้าทีนั่นเอง