สักปากชมพู

เตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องสักปากชมพูและควรเลือกสถานบริการอย่างไร

การสักปากเป็นการฝังสีด้วยวิธีการสักสีลงไปบริเวณริมฝีปาก โดยการสักปากนี้จะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทำด้วยเครื่องมือสักที่แต่ละสถานบริการนั้นจะเลือกใช้ การสักปากในปัจจุบันนี้จะมีเฉดสีให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นสีส้ม สีแดง หรือการสักปากชมพูที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น การสักปากนี้จะเหมือนกับกำลังทาทินต์หรือลิปจิ้มจุ่ม สำหรับค่าใช้จ่ายในการสักนั้นจะขึ้นอยู่กับแต่ละสถานบริการที่จะมีตั้งแต่หลักพันไปถึงหลักหมื่นกันเลยทีเดียว

เตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องสักปากชมพู

ก่อนเข้ารับบริการต้องงดอาหารเสริมหรือวิตามินทุกชนิดก่อนสักปาก 1 สัปดาห์ เนื่องจากอาหารเสริมบางตัวอาจทำให้เลือกแข็งตัวได้ช้า และผู้เข้ารับบริการจะต้องหมั่นทาลิปมันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ริมฝีปากล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และเมื่อถึงวันสักปาก ผุ้เข้ารับบริการจะต้องทานอาหารให้เรียบร้อย เนื่องจากการสักปากจะใช้เวลาทำถึง 3 – 4 ชั่วโมง คุณจะไม่สามารถดื่มน้ำหรือทานอาหารขณะสักปากได้เลย

บุคคลที่ไม่ควรสักปากชมพูมีใครบ้าง

ผู้เข้ารับบริการที่อยู่ในขณะตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัวไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ผู้ที่ขาดวิตามินเค มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ และผู้ที่รับประทานยากลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด

เลือกคลินิกสักปากต้องเลือกอย่างไร

การเลือกสถานบริการสักปากนั้นผู้เข้ารับบริการจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก และต้องเลือกในเรื่องของความสวยงามของสีและราคาแล้ว ควรเลือกอย่างไรเรามาดูกัน

เลือกสถานบริการที่มีช่างฝีมือเฉพาะทาง

การสักปากนั้นเป็นงานที่มีความละเอียดอ่อนจึงต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการแก้ไขสีปากเพื่อให้ได้ใกล้เคียงกับโทนสีผิวของผู้เข้ารับบริการ ช่างสักปากที่มีฝีมือเฉพาะทางจะมีความเชี่ยวชาญในการเลือกลงสีและการสักปากเพื่อให้สีได้มีความพอดีตามที่เราต้องการ และเทคนิคการสักปากของช่างที่มีความเชี่ยวชาญจะช่วยให้หลังจากการสักปากไปแล้วสีนั้นจะไม่มีความผิดเพี้ยนมีความติดทน การเลือกช่างฝีมือโดยเฉพาะทางจะเป็นการช่วยให้เรามั่นใจเรื่องผลลัพธ์ที่ดีแน่นอน

เลือกสถานบริการที่มีเครื่องมือในการสักปากที่สะอาดปลอดภัยได้มาตรฐาน

ในเรื่องของการเลือกสถานให้บริการสักปากนั้นผู้เข้ารับบริการจะต้องเลือกสถานที่ที่มีเครื่องมือที่สะอาดและได้มาตรฐาน เพราะถ้าหากเครื่องมือที่ใช้สักปากนั้นไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อทำความสะอาดอย่างถูกต้องจะทำให้มีความเสี่ยงสูงมากต่อการติดเชื้อ อักเสบ บวมแดงได้ ซึ่งความเสี่ยงที่เกิดขึ้นตามมาภายหลังนั้นไม่คุ้มกับการเลือกสถานที่สักปากที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน

เลือกสถานบริการที่ใช้วัสดุสีที่ไม่เป็นอันตราย และปลอดสารพิษ

ริมฝีปากของคนเรานั้นเป็นส่วนที่บอบบางและทำความสะอาดได้ยากจึงจำเป็นที่จะต้องใช้สีในการสักปากที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง ซึ่งจะต้องเป็นสีที่มีความใกล้เคียงกับสีผสมอาหารและสีที่ใช้นั้นจะต้องปลอดสารพิษหากมีสารปนเปื้อนจากหมึกสีจะทำให้ซึมผ่านเข้าสู่เส้นเลือด โดยเฉพาะสารโลหะหนักที่อาจจะก่อปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายต่อร่างกายในระยะยาวได้อีกด้วย

สักปากชมพูอยู่ได้นานแค่ไหน

หลังจากที่สักปากไปได้สักระยะ แผลที่สักปากจะลอกออก จะเริ่มเห็นสีชัดเจนแต่ยังไม่สม่ำเสมอ ต้องรอให้แผลลอกออกหมดก่อน ถึงจะเห็นสีปากที่สมบูรณ์ ซึ่งสีจะติดประมาณ 30 – 50% คนที่มีริมฝีปากคล้ำมาก ก็ต้องไปทำการสักอีกครั้ง เพื่อความสมบูรณ์ แต่ส่วนมากแพทย์จะนัดสักปากซ้ำหลังจากสักปากไปแล้วประมาณ 3 เดือน ส่วนจะอยู่ได้นานแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคความเชี่ยวชาญ วัสดุเครื่องมือ ราคาต้นทุนและปัจจัยอื่น ๆ

หลังสักปากควรปฏิบัติตัวอย่างไร

หลังสักปากชมพูไม่ควรเลียริมฝีปากบ่อย ๆ เพราะน้ำลายอาจทำให้สีที่สักไว้จางลงได้ ช่วง 1 สัปดาห์หลังสักให้ระวังเรื่องดื่มกินด้วยคือ อย่าเพิ่งไปดื่มเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นจัด เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสม เพราะอาจทำให้สีที่สักไว้หลุดออกไป ให้ทายาตามที่หมอจัดให้ไป ช่วงนี้เมคอัพก็เลี่ยงไปก่อน รอให้หายแล้วค่อยสวยก็ยังทัน ถ้าริมฝีปากมีสะเก็ด ก็อย่ามือบอนเที่ยวไปแกะหรือลอกออกล่ะ สังเกตตัวเองด้วยหลังสักไปแล้วมีอาการผิดปกติหรือไม่ ถ้ามีก็กลับไปหาหมอ อย่าวินิจฉัยหรือรักษาเอง ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยและความสวยงามของริมฝีปากของท่านเอง

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการสักปาก

  • ริมฝีปากบวม การสักปากจะทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ผิวหนังแต่อาการจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน อาจใช้การประคบเย็นเพื่อช่วยลดบวมได้
  • มีอาการเจ็บ ด้วยความที่ริมฝีปากของคนเรานั้นมีความบอบบางมาก จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเจ็บหรือปวดหลังจากทำการสักปาก แต่อาการจะดีขึ้นใน 2-3 วันเช่นเดียวกับอาการบวม
  • มีโอกาสติดเชื้อมากกว่าส่วนอื่น เพราะริมฝีปากเป็นส่วนที่ทำความสะอาดได้ยากและมีการสัมผัสกับน้ำลาย อาหาร และเครื่องดื่มตลอดทั้งวัน จึงทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อมาก
  • มีโอกาสเกิดแผลเป็น ดังนั้นการเลือกสถานบริการจึงมีความสำคัญหากเลือกสถานบริการที่ได้มาตรฐานและมีอุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและเป็นแผลเป็นให้มากที่สุด
  • มีโอกาสเกิดอาการแพ้ หากผู้เข้ารับบริการมีประวัติผิวแพ้ง่ายอาจมีโอกาสที่จะแพ้การสักได้มากซึ่งอาการที่เกิดขึ้นนั้นจะได้แก่ ผื่น คัน และลมพิษ ดังนั้นควรปรึกษากับผู้ทำการสักเพื่อเลือกหมึกที่ไม่มีสารก่อภูมิแพ้
  • อาการแพ้แบบรุนแรง ผู้เข้ารับบริการบางรายอาจเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงหลักทำการสัก เช่น หายใจไม่ออก แก้มบวม คอบวม ถือเป็นกรณีฉุกเฉินที่ต้องพบแพทย์ทันที เพราะอาจนำมาซึ่งการเสียชีวิตได้