ราคาเสริมสะโพก

การเสริมสะโพกเหมาะกับใครและการเสริมสะโพก ราคา

เสริมสะโพก ราคา การเสริมสะโพกเป็นการเพิ่มส่วนของแก้มก้นหรือส่วนของสะโพกให้ใหญ่ขึ้น และช่วยทำให้รูปร่างดีขึ้น ซึ่งผู้เที่มีสะโพกที่สวยงามเมื่อสวมใส่เสื้อผ้าก็จะทำให้สวมใส่ได้หลากหลายกว่าผู้ที่ไม่มีสะโพก การเสริมสะโพกถือได้ว่าเป็นการเพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัว ซึ่งปัจจุบันนี้จะมีผู้ที่ต้องการเข้ารับการเสริมสะโพกมากขึ้นและมักจะไปรับบริการฉีดสะโพกด้วยซิลิโคนเหลว ตามสถานบริการที่ผิดกฎหมาย เมื่อผ่านไปได้ระยะหนึ่ง ซิลิโคนเหลวก็จะไหลย้อยไปที่บริเวณต้นขาและทำให้เกิดพังผืดภายในต้นขา ทำให้ผิวหนังแข็งกระด้างดูไม่สวยงาม การไหลของซิลิโคนเหลวทำให้ก้นที่เคยสวยงามหลังการฉีดระยะแรกมีขนาดเล็กลงและ ย้อยลงเหมือนก้นคนแก่

การ เสริมสะโพกเหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีก้นเล็กตั้งแต่กำเนิด ลีบ แฟ่บ ต้องการใส่กางเกงรัดรูป หรือบิกินี่ให้ดูเข้ารูปมากขึ้น
  • ผู้ที่เคยเสริมหน้าอกแล้ว ถ้าเสริมก้นไปอีก จะทำให้ดูมีสัดส่วนและดูเซ็กซี่มากขึ้น
  • ผู้ที่ลดน้ำหนักมากเกินไป มีการยกกระชับ อาจต้องเสริมก้นเพิ่มด้วย
  • ผู้ที่มีปัญหาบั้นท้ายหย่อนยานตามวัย ต้องการเสริมให้ดูเต่งตึงขึ้น
  • ผู้ที่ไม่ต้องการใส่กางเกงในเสริมก้น อยากใส่กางเกงรัดรูป โชว์สะโพกได้อย่างมั่นใจ

 เสริมสะโพกมีวิธีใดบ้าง

เสริมสะโพกด้วยซิลิโคนพร้อมกับการดูดไขมันรอบก้น

ผู้เข้ารับบริการส่วนหนึ่งที่มาเสริมก้น หรือเติมสะโพกนั้น จะมีไขมันสะสมตามฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งลดได้ยากจากการออกกำลังกาย เช่นต้นขาด้านใน และบริเวณเอว ที่เรียกกันว่า love handle การดูดไขมันควบคู่ไปด้วยจึงเป็นคำตอบที่ดีสำหรับการมีสะโพก และก้นที่สวยงามในแบบที่ต้องการ สามารถทำพร้อมกับเสริมสะโพกได้ในทีเดียว

เสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมัน

วิธีนี้จะเป็นการฉีดไขมันของตัวเอง โดยแพทย์จะทำการดูดไขมันจากบริเวณที่ไม่ต้องการ เช่น หน้าท้อง ต้นขา แล้วนำไขมันนั้นมาฉีดเข้าไปในสะโพก เพื่อให้สะโพกและบั้นท้ายมีรูปร่างตามต้องการ ข้อดีของการเสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมันคือ ไขมันที่ใช้เสริมนั้นเป็นไขมันของร่างกายตนเอง ทำให้ไม่มีปัญหาในเรื่องของการแพ้ซิลิโคน การดูแลหลังผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมัน  คือ ปฏิบัติตัวเช่นเดียวกับการเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน แต่ต่างกันที่ห้ามนวดบริเวณที่ฉีดไขมันเด็ดขาด เพราะทำให้ไขมันสลายได้

ฉีดไขมันเสริมสะโพก (Brazilian butt lifts)

วิธีนี้จะเป็นการดูดไขมันจากบริเวณที่ไม่ต้องการ เช่น หน้าท้อง ต้นขา แล้วนำไขมันดังกล่าว มาฉีดเข้าไปในสะโพก เพื่อให้สะโพกมีรูปร่างตามต้องการ นิยมทำกันมากในบราซิล แต่มีข้อจำกัดดังนี้

  • ต้องดูดไขมันปริมาณมากเพื่อมาฉีด คนไข้บางรายอาจมีไขมันไม่เพียงพอ
  • ไขมันที่ฉีดอาจอยู่ได้ไม่ทั้งหมด ส่วนมากจะสลายไป จึงอาจไม่ได้ขนาดที่เป็นตามต้องการ
  • ไขมันบางส่วน สลายไม่เท่ากัน ทำให้ดูไม่เท่ากันทั้งสองข้าง

เตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องผ่าตัดเสริมสะโพก

  • งดน้ำงดอาหาร 6 ชม. ก่อนการผ่าตัด
  • ควรเตรียมหยุดงาน 10 – 15 วัน
  • ถ้ามีโรคประจำตัวหรือกินยาประจำกรุณาแจ้งให้แพทย์ทราบ
  • งดยาต้านอักเสบ ( NSAID ) เช่น แอสไพริน บุหรี่ อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด
  • ปรึกษาแพทย์โดยเลือกจากขนาดของถุงซิลิโคนที่ใส่ และรูปร่างของซิลิโคนที่จะใส่ประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนการผ่าตัด
  • ควรมีเพื่อนมาด้วยในวันผ่าตัด
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคความดันสูง ไม่ควรผ่าตัด
  • ถ้ามีบาดแผลบริเวณแขน ,ข้อศอก ,หัวเข่า หรือบริเวณส่วนหน้าของร่างกายเช่นหน้าอก,หน้าท้อง ควรงดผ่าตัดไปก่อน
  • ในกรณีที่วันผ่าตัดมีอาการท้องเสีย ควรงดผ่าตัดไปก่อน เพราะหลังผ่าตัดการนั่งถ่ายทำได้ยากนอกจากนั้นแล้วอาจมีปัญหาการติดเชื้อของ แผลได้
  • หลังผ่าตัดมักต้องนอนคว่ำดังนั้นการเสริมสะโพก ควรทำหลังการผ่าตัดอื่นๆเช่น การเสริมหน้าอก การแปลงเพศ ประมาณ 2 อาทิตย์ขึ้นไป
  • การ ผ่าตัดร่วม การผ่าตัดเสริมสะโพกไม่ควรทำร่วมกับการผ่าตัดอื่นที่ผ่าตัดส่วนหน้าของร่าง กาย เช่นการตัดไขมันหน้าท้องหรือการเสริมหน้าอกไม่ควรทำพร้อมกับการเสริมสะโพก เพราะมีปัญหาในการดูแลหลังผ่าตัด ยกเว้น การดูดไขมันเล็กน้อยอาจทำร่วมกันได้ สำหรับการผ่าตัดด้านหลังของร่างกายสามารถทำได้ร่วมกับการผ่าตัดเสริมสะโพก เช่นการดูดไขมันหรือการผ่าตัดยกสะโพกหรือการฉีดไขมันที่สะโพก
  • ควรมีผู้ดูแลที่บ้านหลังการผ่าตัด
  • งดสูบบุหรี่ 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด

หลังผ่าตัดเสริมสะโพกต้องดูแลตัวเองอย่างไร

  • ผู้เข้ารับบริการต้องนอนพักที่โรงพยาบาลประมาณ 2 – 3 วัน
  • เพื่อป้องกันน้ำเหลือหรือเลือดคั่งแพทย์จะทำการใส่สายระบายน้ำเหลืองประมาณ 2 – 3 วัน
  • แพทย์จะนัดตัดไหมประมาณ 10 – 14 วัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความตึงของแผล
  • หลังผ่าตัด 7 วันแรกขณะที่นอนหลับควรนอนในท่าคว่ำหรือตะแคงข้างเท่านั้น ห้ามนอนหงายเพราะจะกดถุงซิลิโคน
  • หลังจากเปิดแผล ควรทำแผลทุกวันจนถึงวันตัดไหม
  • เมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์ ผู้เข้ารับบริการนั่งบนหมอนนิ่ม ๆ ได้
  • สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัดควรพักผ่อนมากๆแต่ไม่จำเป็นต้องนอนบนเตียงตลอดเวลาโดยทั่วไปหลัง วันที่ 3 สามารถเดินหรือนั่งได้ช้าๆโดยที่จะรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง
  • เมื่อผ่านไปประมาณ 10วัน สามารถทำงานประจำวันได้สามารถขับรถได้
  • 6 – 8 สัปดาห์หลังผ่าตัด สามารถออกกำลังกายหนัก ๆ เช่น เล่นสกี, ขี่ม้า , มวยปล้ำ, จักรยานได้
  • อาการปวดบริเวณสะโพกอาจมีได้ 1 – 3 เดือนแรก