หลายคนอาจมีความสงสัยว่าถุงใต้ตานั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งปกติที่คนเรามีอายุน้อยไขมันส่วนนี้จะถูกกั้นไว้ด้วยผังผืดบาง ๆ แต่เมื่อวัยเราเพิ่มมากขึ้นผังผืดที่หุ้มกล้ามเนื้อและเปลือกตาล่างจะมีกำลังอ่อนลงทำให้ไขมันค่อย ๆ นูนป่องออกมาทีละน้อย ๆ จนเห็นเป็นถุงใต้ตาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และวิธีการรักษาถุงใต้ตานั้นจะใช้วิธีผ่าตัดถุงใต้ตาที่ผู้เข้ารับบริการจะต้องเลือกสถานบริการที่มีคุณภาพได้มาตรฐานทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้ารับบริการนั่นเอง ที่นี้เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่าถุงใต้ตานั้นเกิดจากอะไร
ถุงใต้ตาเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง
- เกิดจากการขาดการดูแลบริเวณรอบดวงตาที่ดี
- เกิดจากความเครียด เมื่อเกิดความเครียดก็ทำให้พักผ่อนได้น้อย
- การใช้ชีวิตประจำวันและพฤติกรรมที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาไม่ว่าจะเป็นการอดนอน ร้องไห้บ่อย ใช้สายตามาก เพ่งหน้าจอคอมหรือโทรศัพท์ที่สว่างเกินไป
ถุงใต้ตาเกิดขึ้นได้กับบริเวณใดได้บ้าง
- ถุงใต้ตาเทียม
เป็นอาการใต้ตาบวมที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมอันผิดปกติ เช่นการอดนอน , ร้องไห้หนัก, ขยี้ตา , ดื่มแอลกอฮอล์เป็นปะจำ, การใช้สายตามากจนเกินไป หรือ แม้กระทั่งอาการแพ้สารต่าง ๆ ซึ่งอาการบวมของใต้ตาเหล่านี้ เป็นอาการที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น หากดูแลตัวเองเป็นอย่างดี หมั่นประคบเย็น พักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะทำให้ผิวใต้ตาส่วนนี้กลับคืนสู่สภาพปกติ
- ถุงใต้ตาแท้
ในส่วนนี้จะเป็นถุงใต้ตาที่เกิดขึ้นโดย “กรรมพันธุ์” โดยปกติแล้ว คนเราจะมีถุงไขมันใต้ดวงตา จำนวน 3 ถุง เมื่อเกิดการทำงานที่ผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อภายในร่างกาย ก็จะทำให้ของเหลวไหลมารวมตัวกันบริเวณใต้ตามากเกินไป จนทำให้ผิวหนังถุงใต้ตานั้นดูนูนออกมา ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้จากความเสื่อมสภาพของผิวหนังตามกาลเวลา เนื้อเยื่อที่รองรับถุงไขมันใต้ตาหย่อนตัวลงโดยเป็นไปตามวัย หากเกิดปัญหาที่ถุงใต้ตาแท้จริง ๆ แล้วนั้น บางรายก็อาจพบปัญหานี้ได้ตั้งแต่อายุ 20 ต้น ๆ เลยทีเดียว ซึ่งวิธีนี้สามารถแก้ไขได้ด้วย “การผ่าตัดศัลยกรรมถุงใต้ตา”
วิธีการผ่าตัดถุงใต้ตาด้วยเทคนิคการเรียงไขมันถุงใต้ตา
1.แพทย์จะทำการเปิดแผลให้ชิดขอบตาตามแนวชั้นตาล่างให้มากที่สุด จนสามารถมองเห็นถุงไขมันใต้ตาได้อย่างชัดเจน ซึ่งไขมันใต้ตาจะเรียงกันเป็นลักษณะแนวนอน
2.จากนั้นจะทำการเราะถุงไขมันใต้ตาที่เป็นปัญหา แพทย์จะค่อยๆดันและขยับไขมันลงไปให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง นั่นก็คือบริเวณ “ร่องลึกข้างตา” ซึ่งวิธีนี้สามารถคงสภาพไขมันให้ยังมีสภาพเดิม ซึ่งดูเป็นธรรมชาติไม่เกิดการยุบตัวจากภาวะไขมันตาย
3.ขั้นตอนสุดท้าย แพทย์จะทำการเย็บปิด วิธีการคือขึงผิวใต้ตาล่างให้ตึงและตัดผิวหนังส่วนที่หย่อนคล้อยออก ทำการเย็บผิวหนังให้ปิดสนิทโดยซ่อนรอยแผลไว้บริเวณหางตา แผลเป็นจะมีรอยเล็กจนแทบมองไม่เห็น
ก่อนผ่าตัดแก้ไข “ถุงใต้ตา“ เตรียมตัวอย่างไร ?
- งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด (กลุ่มยา Aspirin, Ibuprofen) วิตามินเอ อี ซี สมุนไพร โสม ใบแปะก๊วย น้ำมันปลา ก่อนรับบริการ 2 สัปดาห์
- งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดกำจัดถุงใต้ตา
การผ่าตัดถุงใต้ตาอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนไม่ว่าจะเป็นตาที่หลับไม่สนิท เปลือกตาล่างแบะออก สาเหตุมักเกิดจากการผ่าตัดถุงใต้ตาและมีการตัดหนังตาส่วนเกินออกมากเกินไป โดยเฉพาะคนที่มีอายุมาก หนังตาหย่อนเหล่านี้มักจะมีเอ็นตาล่างที่หย่อนอยู่แล้ว หลังผ่าตัดถุงใต้ตาจึงมีโอกาสเกิดตาแบะออกง่ายขึ้น วิธีการป้องกันคือต้องทำการเย็บกระชับเอ็นตาล่างควบคู่ไปกับการผ่าตัดลดถุงใต้ตา
ผ่าตัดถุงใต้ตาด้วยเทคนิคดูดไขมันมีข้อดีอย่างไร
ไม่มีรอยแผล
การดูดไขมันกำจัดถุงใต้ตานี้ เป็นการผ่าตัดแบบแผลด้านใน จึงไม่มีแผลออกมาให้เห็นด้านนอกเลย จึงไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็นต่าง ๆ และไม่ต้องกลัวใครจะรู้ว่าไปทำอะไรมา
เห็นผลชัดเจนตั้งแต่หลังทำทันที
หลังผ่าตัดเสร็จทันทีจะเห็นเลยว่าถุงใต้ยุบลงชัดเจน เพราะไขมันได้ถูกนำออกไปแล้ว และเราจะได้เห็นไขมันที่แพทย์นำออกมาด้วย
หลังทำไปไขมันไม่กลับมาอีก
เนื่องจากเป็นการผ่าตัดกำจัดถุงใต้ตาแบบถาวร ไขมันได้ถูกนำออกไปแล้ว จะไม่กลับมาเป็นอีก
ได้ดวงตาที่ดูสดใส อ่อนเยาว์
คนที่พบกับปัญหาถุงใต้ตาจะทราบดีว่า การมีถุงใต้ตาจะทำให้เรารู้สึกแก่กว่าวัย ดูเหมือนคนเหนื่อยล้าตลอดเวลา แต่งหน้ายังไงก็กลบไม่มิด หลังจากเอาไขมันบริเวณถุงใต้ตาออกไปแล้ว ใต้ตาที่ปูดนูนออกมายุบลง ก็จะช่วยทำให้ใบหน้าก็เราดูเด็กลง อ่อนเยาว์ขึ้นได้อีกด้วย
ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อผ่าตัดถุงใต้ตา
- หลังทำการผ่าตัดตาไป 48 ชั่วโมงแรก ผู้เข้ารับบริการต้องวางเจลประคบเย็นเพื่อให้หายเร็วขึ้นโดยใช้ผ้าก๊อซรองก่อน ระวังไม่ให้น้ำเข้าแผล
- ผู้เข้ารับบริการควรนอนศีรษะสูงกว่าปกติใน 1-2 คืนแรกของการผ่าตัด เพื่อลดอาการบวม
- สามารถล้างหน้าได้ตามปกติ เพียงแต่หลีกเลี่ยงน้ำเข้าตาโดยตรง
- หากมีรอยเขียวช้ำให้ผู้เข้ารับบริการประคบร้อนเมื่อผ่านไปแล้ว 3 วัน ซึ่งจะช่วยให้หายเร็วขึ้นและเพื่อช่วยลดอาการบวมให้เร็วขึ้นสามารถให้ประคบเย็นสลับกันได้
- รับประทานยาฆ่าเชื้อจนหมดที่แพทย์สั่งและหากมีอาการปวดสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้